ตอนที่ 9 ฟืม กี่และคนทอ
การทอผ้ามัดหมี่ย้อมคราม
ฝ้ายที่ใช้ทอผ้ามี 2 ประเภท คือฝ้ายเส้นยืนและฝ้ายเส้นพุ่ง ฝ้ายเส้นยืนแต่ละเส้นร้อยอยู่ในฟันฟืม เขาหูกและพาดอยู่ในกี่ ส่วนฝ้ายเส้นพุ่งพันอยู่ในหลอดด้ายบรรจุในกระสวย นำเส้นฝ้ายที่เตรียมไว้ย้อมสีครามและทำให้คงตัวด้วยการลงน้ำแป้ง บิดให้หมาด กระตุกให้เรียงเส้นและผึ่งให้แห้ง นำไจฝ้ายคล้องเข้ากงและย้ายเส้นฝ้ายออกจากกงพันเข้าไว้ในอัก เรียกว่า การกวักฝ้าย เส้นฝ้ายจากอักถูกย้ายไปพันในเฝือค้นหูกหลายๆ รอบ ซึ่งการค้นหูกนี้ต้องนับจำนวนรอบของเส้นฝ้ายให้สัมพันธ์กับจำนวนฟันฟืม
การค้นหูกและทอผ้า
การค้นหูกเป็นการเตรียมฝ้ายเส้นยืนหรือไส้หูกสำหรับทอผ้า เตรียมจากไนฝ้ายที่ถอดจากเปีย ฆ่าฝ้ายและชุบน้ำแป้งผึ่งให้แห้งก่อนคล้องเข้ากงเพื่อถ่ายเส้นฝ้ายเข้าอัก จากนั้นถ่ายเส้นฝ้ายจากอักเข้าเฝือค้นหูก พันฝ้ายกลับไป-กลับมาจนได้จำนวนเส้นสัมพันธ์กับจำนวนร่องฟันฟืมที่ใช้ทอ ถอดกลุ่มฝ้ายออกจากเฝือ ตัดให้ปลายเปิด นำปลายเปิดไปต่อเข้ากับไส้หูกอันเดิมที่ติดมากับฟืมที่จะใช้ทอผ้า เรียกว่าการสืบหูก ได้ไส้หูกอันใหม่นำไปกางหูกในเครื่องมือทอผ้า และทอผ้าต่อไป
การค้นหูก
การค้นหูก เป็นการเตรียมไส้หูกสำหรับทอเป็นงานที่ใช้สมาธิและทักษะทางคณิตศาสตร์ในการนับเส้นฝ้ายให้สัมพันธ์กับจำนวนร่องฟันฟืม ซึ่งใช้เรียกขนาดของฟืมด้วย เช่น ถ้าจะทอด้วยฟืม 13 ต้องคันหูกให้ได้เส้นฝ้าย 13หลบ (1 หลบ มีเส้นฝ้าย 40 เส้น) ถ้าจะทอด้วยฟืม 20 ก็ต้องค้นหูกให้ได้เส้นฝ้าย 20 หลบ (800 เส้น) ผ้าที่ทอด้วยฟืม 20 จะมีหน้ากว้างกว่าผ้าที่ทอด้วยฟืม 13 อุปกรณ์ค้นหูก คือ เฝือ ซึ่งประกอบด้วยหลักคันหลายคู่ เริ่มจากการผูกปลายเส้นฝ้ายที่ถ่ายมาจากอักกับหลักคันลูกรกขวามือ แล้ววนไปทางว้ายผ่านหลักคันทุกหลักถึงหลักคันลูกสุดท้าย จึงนำเส้นฝ้ายไปพันกับหลักคันพิเศษ ซึ่งมีหลักเดียวในเฝือ บริเวณนี้เส้นฝ้ายขัดกันเรียกตรงที่ขัดกันนี้ว่า ขาไจ เป็นบริเวณที่นับจำนวนความและจำนวนหลบ (1 ความมีเส้นฝ้าย 4 หลบ 10 ความ เป็น 1 หลบ) ฝ้ายที่พันหลักคันพิเศษแล้วจะถูกพันคล้องหลักคันลูกต่าง ๆ ทุกลูกกลับลงมาที่จุดเริ่มต้นและวนขึ้นไปอีก ฝ้ายทุกเส้นต้องผ่านขาไจ ค้นหูกกลับไป-ไปกลับมา (ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า หลบไปหลบมา ซึ่งเป็นที่มาของการนับกลุ่มเส้นฝ้ายเป็นหลบ) จนกระทั่งได้เส้นฝ้ายตามจำนวนที่สัมพันธ์กับฟืมที่จะใช้ทอ ใช้เชือกมัดขาไจไว้ให้เส้นฝ้ายขัดกันอยู่ดังเดิม ถอดกลุ่มฝ้ายออกจากเฝือ และตัดฝ้ายให้ปลายเปิดทุกเส้น ตรงที่คล้องกับหลักคันลูกแรก กลุ่มเส้นฝ้ายที่เรียกว่าไส้หูก
การสืบหูก
การสืบหูก เป็นการต่อเส้นฝ้ายที่ค้นและตัดปลายแล้วเข้ากับไส้หูกที่ติดอยู่กับเขาหูกและฟืมที่คนทอผ้าผืนที่แล้ว เหลือค้างไว้กับฟืมและขาหูก วิธีสืบหูก ผูกปลายฝ้ายจากไส้หูกอันใหม่เข้ากับปลายฝ้ายจากไส้หูกเดิมที่ติดอยู่กับเขาหูกทีละคู่ เรียงลำดับก่อนหลังของเส้นฝ้ายให้ถูกต้อง โดยสังเกตลำดับจากการขัดกันของเส้นฝ้ายที่ทำไว้ที่ขาไจ ผูกทีละคู่ไปเรื่อย ๆ จนหมด หากผูกข้ามเส้นจะเส้นฝ้ายเหลืออยู่ หากผูกผิดลำดับ เวลาทอจะพุ่งกระสวยไม่ได้
เครื่องมือทอผ้า
1) กี่เป็นเครื่องมือทอผ้าทำจากไม้ตรงเนื้อแข็ง 13 ตัว ยึดกันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ กว้างและยาวไม่เท่ากัน ทำหน้าที่เป็นโครงยึดอุปกรณ์อื่นสำหรับทอผ้า
2) ฟืม คือ อุปกรณ์ที่ใช้กระทบให้เส้นฝ้ายที่ทอเรียงลำดับเข้าหากันแน่นเป็นผืนผ้า ลักษณะของฟืมเป็นแผ่นซึ่งรวมเอาซี่ไม้เล็ก ๆ ไว้ด้วยกัน แต่ละซี่ของฟันฟืม ระหว่างร่องฟันฟืมเหล่านี้ใช้สำหรับสอดไส้หูก ฟืมจะมี 2 อย่าง คือฟืมช้ากับฟืมขัน ฟืมช้า เป็นฟืมที่มีซี่ฟันห่าง ทอผ้าไม่ละเอียด แต่ทอง่าย คนที่เริ่มเรียนทอผ้าจะถูกกำหนดให้ใช้ฟืมชนิดนี้ ฟืมขัน เป็นฟืมที่มีซี่ฟันถี่ ทอผ้าได้ละเอียดกว่า เนื้อแน่น หนา คนที่ขาดทักษะการทอผ้า อาจทำฟันฟืมชนิดนี้หักหรือคดงอได้ ฟืมที่ใช้ในการทอมีหลากหลายขนาดอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเช่น เบอร์ 8-10 16 20 25 28 30 ขนาดหน้ากว้างตั้งแต่ 30 45 60 80 100 เซนติเมตร ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดตามที่ต้องการ
3) เขาหูก คือ ส่วนที่ใช้สอดไส้หูกเช่นเดียวกับฟืม แต่มีประโยชน์สำหรับแยกไส้หูกออกเป็น 2 ชุดไขว้กัน เกิดช่องให้กระสวยฝ้ายเส้นพุ่งผ่าน เขาหูกมี 2 อัน แต่ละหูกผูกแขวนไว้กับราวบนของกี่ สามารถเลื่อนบนราวกี่ได้ เขาหูกแต่ละอันถูกผูกด้านล่างไว้กับไม้คันเหยียบ เมื่อเหยียบไม้คันเหยียบข้างหนึ่งให้ต่ำลงจะรั้งเอาเขาหูกอันหนึ่งเลื่อนลง รั้งเขาหูกอีกอันหนึ่งยกขึ้น ไส้หูกที่สอดอยู่กับเขาหูกจะแยกเป็น 2 ชุด เกิดช่องว่างให้พุ่งกระสวยพาฝ้ายเส้นพุ่งผ่านเข้าไปได้ เมื่อเหยียบไม้คันเหยียบอีกข้างหนึ่ง เขาหูกที่เคยอยู่ด้านล่างจะถูกดึงรั้งขึ้นข้างบน ส่วนเขาหูกที่เคยอยู่ข้างบนจะถูกดึงรั้งลงข้างล่าง ไส้หูก 2 ชุด แยกจากกัน ไขว้ฝ้ายเส้นพุ่งที่ถูกพุ่งส่งไปก่อนแล้ว
4) ไม้ม้วนหรือไม้กำพั้น เป็นไม้เนื้อแข็งขนาดพอเหมาะกับมือกำ ความยาวมากกว่าความกว้างของกี่เล็กน้อย ใช้เป็นแกนม้วนผ้าที่ทอแล้ว เก็บไว้
5) กระสวยทอผ้า ทำจากไม้เนื้อแข็งเช่นเดียวกันกับไม้กำพั้น มีลักษณะคล้ายเรือพาย ร่องตรงกลางมีไว้ใส่หลอดฝ้าย เพื่อพุ่งผ่านฝ้ายเส้นพุ่งกลับไป-มา ถักทอเป็นผืนผ้า ซึ่งในปัจจุบันมีการประยุกต์ท่อพีวีซีแทนไม้ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ลื่น ทนแรงกระแทกได้ดีและทำใช้เองได้ง่าย
6) ไม้คันเหยียบ ทำจากไม้เนื้อแข็งหรือไม้ไผ่ก็ได้ ลักษณะเป็นลำไม้ ยาวประมาณ 1 เมตร มีเป็นคู่เสมอ ใช้ประโยชน์เป็นตัวรั้งเขาหูกให้ดึงไส้หูกแยกจากกันเป็นช่องสำหรับพุ่งกระสวยส่งฝ้ายเส้นพุ่ง
วิธีการทอผ้า
การทอผ้า คือ การเอาเส้นฝ้ายมากกว่า 2 เส้นขึ้นไป มาขัดสลับกัน อาจทอได้เป็นขั้น ๆ ดังนี้ คือ
1) เมื่อเตรียมฝ้ายเส้นพุ่งและไส้หูกเรียบร้อยแล้ว นำเอาไส้หูกอันใหม่สืบต่อกับไส้หูกที่ค้างอยู่ในเขาหูกและร่องฟันฟืมเดิม กางกี่หรือกางหูกให้เรียบร้อย
2) เอาหลอดฝ่ายเข้าร่องกระสวย ร้อยฝ้ายจากหลอดผ่านรูเล็ก ๆ ข้างกระสวย หากเส้นฝ้ายหมดจากหลอดแรกต้องเอาหลอดที่ 2, 3 … ตามลำดับหลอดที่ร้อยไว้ บรรจุเข้ากระสวยและทอตามลำดับ
3) คล้องเชือกจากเขาหูกอันหนึ่งเข้ากับไม้คันเหยียบข้างใดข้างหนึ่ง และคล้องเชือกเขาหูกที่เหลืออีกอัน เข้ากับไม้คันเหยียบอีกอัน เมื่อเหยียบไม้คันเหยียบข้างหนึ่ง ไส้หูกกางออกเป็นช่อง เนื่องจากการดึงของเขาหูกพุ่งกระสวยผ่านช่องว่างนั้น แล้วดึงฟืมกระทบเส้นฝ้ายที่ออกมาจากกระสวยเข้าไปเก็บไว้ เหยียบไม้คันเหยียบอีกอัน พุ่งกระสวยผ่านช่องว่างกลับมาข้างเดิม ดึงฟืมกระทบเส้นฝ้ายเข้าเก็บ เหยียบไม้คันเหยียบอีกอัน พุ่งกระสวยดึงฟืมกระทบ เหยียบไม้คันเหยียบ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ จะได้ผืนผ้าเกิดขึ้นยาวมาก แล้วจึงพันผืนผ้าไว้ด้วยไม้กำพั้น
ฝ้ายเส้นยืนแต่ละเส้นร้อยอยู่ในฟันฟืม เขาหูกและพาดอยู่ในกี่ ส่วนฝ้ายเส้นพุ่งพันอยู่ในหลอดด้ายบรรจุในกระสวย นำเส้นฝ้ายที่เตรียมไว้ย้อมสีครามและทำให้คงตัวด้วยการลงน้ำแป้ง บิดให้หมาด กระตุกให้เรียงเส้นและผึ่งให้แห้ง
ตรวจสอบย้อนกลับอย่างไร?
ระบบฐานข้อมูลรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าคราม ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันสิ่งทอ