ตอนที่ 5 หม้อนิล (การก่อหม้อ/ดูแลรักษาหม้อ)
การเตรียมสีย้อมจากคราม
นํ้าย้อมสีครามเป็นสารละลายของอินดิโกไวท์ แต่สีครามที่เห็นทั่วไปคือสารครามสีน้ำเงิน (indigo blue) ที่ไม่ละลายน้ำ ก่อนย้อมจึงต้องทำสีครามสีน้ำเงินให้เป็นสีครามไม่มีสีเรียกว่า ก่อหม้อ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาก ใช้เวลา 15-20 วัน จะเกิดสีครามไม่มีสีผสมกับสารอื่นในนํ้าย้อมครามจึงเห็นเป็นสีเหลืองอมเขียว จากนั้นจึงทำการย้อม สีเหลืองจะจางลง สีนํ้าเงินจะเข้มขึ้น จึงหยุดย้อม แล้วเติมนํ้าครามประมาณ 200 กรัม ผสมนํ้าขี้เถ้าเล็กน้อยลงในหม้อน้ำย้อมเดิม ตักน้ำ ย้อมและเทกลับเข้าที่เดิม 2-3 ครั้ง ปิดฝาหม้อครามไว้ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง จึงสังเกตสีของนํ้าย้อม ถ้าเป็นสีเหลืองจึงทำการย้อมและเติมเนื้อครามทำซํ้าไปเรื่อย ๆ ถ้าหลัง 8 ชั่วโมงแล้ว สีของนํ้าย้อมยังเป็นสีนํ้าเงินให้ งดย้อม และตักนํ้าย้อมดูทุก เช้า–เย็น รอจนกว่านํ้าย้อมจะเป็นสีเหลืองจึงย้อม หากหลายวันแล้วสีไม่เหลืองนํ้าย้อมมีกลิ่นเหม็นต้องทิ้งนํ้าย้อมแล้วเตรียมส่วนผสมใหม่ ความยากของการทำผ้าย้อมครามอยู่ที่การเตรียมสีครามนั่นเอง และความยากมากกว่าอยู่ที่การดูแลนํ้าย้อมให้เหลืองและย้อมได้ทุก 8 ชั่วโมง ซึ่งความยากทั้ง 2 อย่างนี้จะลดลงหากผู้เตรียมนํ้าย้อมเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน
น้ำขี้เถ้าที่ใช้ก่อหม้อคราม ได้จากขี้เถ้าที่เผาส่วนต่างๆ ของต้นไม้ เช่น ต้นขี้เหล็ก ต้นจามจุรี ต้นมะพร้าว ต้นมะละกอ ต้นผักขมหนาม เปลือกผลนุ่น และเหง้ากล้วย ที่นิยมใช้กันมาก คือ เหง้ากล้วย ทางมะพร้าว และเปลือกผลนุ่น เพราะหาได้ง่าย ไม้ทุกชนิดดังกล่าวที่จะใช้ทำน้ำขี้เถ้าต้องเป็นไม้ที่ไม่แห้งจนเกินไป เช่น ขุดเหง้ากล้วยมาสับเป็นชิ้น ๆ ผึ่งแดดพอหมาดแล้วเผาจนเป็นขี้เถ้า ใช้น้ำราดขี้เถ้าขณะร้อน ให้ขี้เถ้าขึ้นและรอให้เย็น จึงนำมาบรรจุในภาชนะที่ถูกเจาะรูด้านล่าง บรรจุขี้เถ้าชื่น ๆ นั้นให้เต็มและกดให้แน่น จึงเทน้ำให้ท่วมขี้เถ้าประมาณ 1.5 เซนติเมตร กรองเอาน้ำมีเถ้า 1 หรือ 2 ครั้ง
การก่อหม้อคราม เป็นการนำเอาเนื้อคราม น้ำขี้เถ้า และน้ำมะขามเปียกผสมกัน สูตรทั่วไปในการก่อหม้อมีดังนี้
- น้ำคราม 1 กิโลกรัม
- น้ำขี้เถ้า 3 ลิตร
- น้ำต้มมะขามเปียกพักให้เย็น 3 ลิตร
- ถังหรือภาชนะสำหรับใส่น้ำย้อม
- อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด
จะได้น้ำย้อมสีน้ำเงิน ซึ่งยังย้อมไม่ได้จะต้องหมักทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน ในแต่ละวันจะต้องตักน้ำย้อมแล้วปล่อยตกกลับลงหม้อ (โจก) เช้าและเย็น หรือจนกว่าหม้อจะมาน้ำย้อมจะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีน้ำเงินเป็นสีเหลืองอมเขียว จึงสามารถย้อมได้
กลไกการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากอินดิโกบลูเป็นอินดิโกไวท์
การเตรียมสีครามเป็นการทำให้อินดิโกบลูเปลี่ยนเป็นอินดิโกไวท์ ซึ่งละลายได้ในน้ำด่าง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นปฏิกิริยารีดักชัน ซึ่งใช้ตัวรีดิวส์ได้หลายชนิด อีกวิธีหนึ่งอาศัยการทำงานของแบคทีเรียชนิด บาซิลลัส เช่น Bacillus alkaliphylus ร่วมในกระบวนการหมัก ปฏิกิริยารีดักชันของอินดิโกบลู เกิดขึ้นที่ pH 10.5-11.0 เมื่อเกิดสีครามในน้ำย้อม โดยสังเกตสีของน้ำย้อมเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวปนเหลือง จึงทำการย้อมผ้าที่ชุบน้ำแล้วบิดจนหมาด อินดิโกไวท์ที่ละลายในน้ำย้อมจะแทรกซึมเข้าเนื้อฝ้ายจับเซลลูโลสของใยฝ้ายด้วยพันธะไฮโดรเจน เมื่อยกผ้าฝ้ายขึ้นจากน้ำย้อมสัมผัสกับอากาศ อินดิโกไวท์จะถูกออกซิไดส์โดยออกซิเจนในอากาศ กลับเป็นอินดิโกบลูถูงขังอยู่ภายในโครงสร้างของเส้นใยฝ้ายดังเดิม ใยไหมและขนสัตว์มีโครงสร้างทางเคมีเป็นพอลีเพปไทด์ จึงทำให้ย้อมด้วยสีครามได้ไม่ดีเท่าฝ้ายซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีเป็นเซลลูโลส อย่างไรก็ตามการย้อมเส้นไหมที่อุณหภูมิต่ำจะดูดซับสีดีกว่าการย้อมที่อุณหภูมิสูง แสดงว่าการย้อมสีครามเป็นกระบวนการคายความร้อน เมื่อย้อมที่อุณหภูมิสูงขึ้นการติดสีจะลดลง
การเก็บเมล็ดพันธุ์
ฝักครามอ่อนมีสีเขียว เมื่อเริ่มแก่จะเป็นสีเหลือง น้ำตาลและดำควรเก็บฝักครามในช่วงที่เป็นสีน้ำตาล นำมาผึ่งแดดให้แห้งและเก็บในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้ดี อาจเก็บทั้งฝักหรือบุบให้ฝักแตกเก็บเมล็ดก็ได้ครามฝักตรง 1 ฝักมี 9-10 เมล็ด 100 กรัม มี 16,800 เมล็ด ส่วนพันธุ์ฝักงอ 1 ฝัก มี 4 -5 เมล็ด 100 กรัม จะมีประมาณ 15,900 เมล็ด ไม่ควรปล่อยไว้ให้ฝักครามเป็นสีดำคาต้น เพราะจะทำให้เมล็ดงอกยาก ก่อนนำไปปลูกให้โขลกฝักครามเบา ๆ ให้ฝักแตก แล้วจึงนำไปหว่านหรือหยอดหลุม จะปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงฝนแรกของปี
ครามที่เห็นทั่วไปคือสารครามสีน้ำเงิน (indigo blue) ที่ไม่ละลายน้ำ ก่อนย้อมจึงต้องทำสีครามสีน้ำเงินให้เป็นสีครามไม่มีสีเรียกว่า ก่อหม้อ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาก ใช้เวลา 15-20 วัน จะเกิดสีครามไม่มีสีผสมกับสารอื่นในนํ้าย้อมคราม
ตรวจสอบย้อนกลับอย่างไร?
ระบบฐานข้อมูลรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าคราม ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันสิ่งทอ